วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จุดเล็กๆ คือ จุดเริ่มต้นของสิ่งใหญ่ๆเสมอ^^


   " ก่อนที่เราจะแต่งประโยคหนึ่งๆได้ เราจะต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า ในประโยคต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง มีคำประเภทใด แล้วคำแต่ละประเภทมีการวางตำแหน่งและมีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร ถ้าเราได้เรียนรู้และเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี ปัญหาต่างๆที่ตามมาจะถือว่าเป็นเรื่องง่ายกันเลยทีเดียว มันอาจจะดูน่าเบื่อสำหรับคนที่เก่งแล้ว หรือบางคนเรียนมาเยอะแล้วไม่อ่านได้มั๊ย ได้ค่ะ ไม่อ่านก็ได้ แต่ถ้าคุณลองเปิดใจทำความรู้จักกับมันใหม่อีกนิด จำแก่นหลักๆแค่นิดเดียว สบายบรื๋อ!!! "


  อยากรู้ไหมจำยังไง มาดูกันเลยค่ะ เนื้อๆ เน้นๆ ไม่มีน้ำ

Parts of Speech คือ ชนิดของคำ
Parts of Speech มีอะไรบ้าง ง่ายๆ จำไว้แค่ว่า มี 8 อย่างเท่านั้นเอง มี

1. Noun คำนาม
2. Pronoun คำสรรพนาม
3. Verb กริยา
4. Adverb กริยาวิเศษณ์
5. Adjective คำคุณศัพท์
6. Preposition บุพบท
7. Conjunction คำสันธาน
8. Interjection คำอุทาน

<<< มารู้จักกับพวกเขาทีละตัวกันเลยดีกว่า >>>
1. Noun คือ คำที่ใช้เรียกแทน ชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ (จำไว้แค่นี้ค่ะง่ายไหม)
คำนามมี นามทั่วไป กับ นามเฉพาะ
ตำแหน่งและหน้าที่: เป็นได้ทั้งประธานและกรรม ในประโยค

2. Pronoun คือ คำที่ใช้เรียกแทน Noun หรือ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำ
ยกตัวอย่าง เวลาเราเรียกหรือเอ่ยคำใดคำหนึ่งบ่อยๆ บ่อยมากๆ บ่อยเกินไป ถามหน่อยว่า....
เราเบื่อไหมคะ? เราจะหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำโดยการใช้คำ สรรพนาม แทน คือ ครั้งแรก 
เรียกชื่อไปเลยค่ะ และครั้งต่อๆไปจึงเรียก เขา หรือ เธอ เพื่อไม่ให้ดูน่าเบื่อค่ะ

3. Verb ก็คือกริยานั่นเอง ง่ายนิดเดียว มี verb แท้ และ verb ไม่แท้
มีวิธีสังเกตุง่ายๆ
verb แท้ จะผันตามประธานและ tense ค่ะ แห่ะๆๆ รวมถึง helping verb ทั้ง 24 ตัวด้วยนะคะ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 กริยาจะผันตามประธานคือ เติม s หรือ es ไง 
หลายคนคงคุ้นๆก่อนอื่นเลย 
     บุรุษที่ 1 ก็คือ ตัวผู้ผูดเอง มีแค่ I กับ we
     บุรษที่ 2 คือ คนที่เราพูดด้วย คือ you
     บุรุษที่ 3 คือ คนที่เราพูดถึง หรือที่เรามักคุ้นเคยกับคำว่าบุคคลที่สามนั่นเอง(แต่ไม่ใช่มือที่3นะอิๆ)
มีคำว่า they he she it

มาดูตัวอย่างการผันของกริยาตามประธานกันเลย

Marry loves playing sports. แมรี่ชอบเล่นกีฬา
สังเกตุว่าประโยคนี้ loves เติม s ค่ะ แสดงว่า ประโยคนี้ กริยาแท้จะต้องเป็น loves แน่ๆเลยเนอะ 
ใช่แล้ว ถูกต้องที่สุด เย้ๆ 

4. Adverb คือ คำทีใช้ขยายคำกริยาว่า ทำเมื่อไหร่ อย่างไร เช่น yesterday, tomorrow,
fast, slowly เป็นต้น

5. Adjective คือ คำที่ขยายคำนามหรือสรรพยาม ตำแหน่งมีแค่ 2 ที่ เน้นๆ อยู่หลัง v.to be และ 
อยู่หน้าคำนามที่้มันขยายเสมอ
ตำแหน่งที่ 1 อยู่หลัง v. to be
เช่น I am beautiful. ฉันสวย (ประโยคนี้ adjective อยู่หลัง am ซึ่งเป็น v. to beและหน้าที่ของมัน
ก็คือขยายคำนามหรือสรรพนามนั่นแหล่ะ ก็ขยายคำว่า I ไง หมายถึง I สวย ฮิฮิ)
ตำแหน่งที่ 2 อยู่หน้าคำนามที่มัันขยายค่ะ
เช่น pretty girl เด็กหญิงผู้น่ารัก (pretty เป็นคำ adjective แปลว่า น่ารัก ขยายคำว่า เด็กผู้หญิง 
ให้ได้ใจความชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ((สังเกตุไหมคะว่าอยู่หน้าคำนาม))
ในกรณีที่เราจะใช้ adjective หลายๆตัว ขยายคำนามพร้อมกัน ให้เรียงอย่างงี้เลย:D
opinion size age shape colour origin material N1 N2 

(ท่อง8ลำดับนี้ให้ได้นะคะท่องเป็นภาษาอังกฤษนะ)
ความคิดเห็น ขนาด อายุ รูปร่าง สี ต้นกำเนิด วัสดุที่ทำ นาม1 นาม2
**tip**
size รวมถึง lenght ที่เป็นความยาวด้วยนะคะ
shape รวมถึง width ที่เป็นความกว้าง

6. Preposition ใช้เพื่อระบุ ตำแหน่ง วัน เวลา และสถานที่
พี่ prep. บอกตำแหน่ง ได้แก่ at, in, on, under, next to, beside, behide, in front of, etc.
พี่ prep. บอกวันใช้ on บอกเดือนและปีใช้ in (ถ้าบอก วันเดือนปี พร้อมกัน ให้ใช้ on)
พี่ prep. บอกเวลาใช้ at
พี่ prep. บอกสถานที่ใช้ at  แต่ถ้าบอกว่า อยู่จังหวัดใด ประเทศใด ใช้ in นะคะ
จบแล้วสำหรับพี่ preposition เพราะเป็นเรื่องง่าย

7. Conjunction ใช้ เชื่อมคำ หรือ เชื่อมความ
ถ้าเราจำพี่ FANBOYS ได้ก็แจ่มไปเลยค่ะ
              F = for
              A = and
              N = nor
              B = but
              O = or
              Y = yet
              S = so


8. Interjection 
เพิ่มสีสันให้แก่ชีวิต บ่งบอกอารมณ์และความรู้สึก
พี่ interjection 
นั้น คือ คำอุทาน มีทั้งอุทานเป็นคำ และ อุทานเป็นประโยค 
ใช้แสดงความตื่นเต้น 
ตกใจ 
เจ็บปวด ความโกรธ เช่น wow, oh, uh เป็นต้น





      และในที่สุด เราก็รู้เรื่องราวความเป็นมาของ Parts of Speech
ต่อไปนี้ เราจะสามารถใช้มันอย่างถูกต้อง และไม่อายใครค่ะ นี่เป็นบันไดพื้นฐานสำคัญที่จะนำคุณ
ไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษต่อไปอดทนต่อไปนะคะ เปิดใจเรียนรู้กับมัน 
ไม่ยากเลยใช่ไหมหล่ะค่ะ
      สุดท้าย....ท้ายสุด ขอให้ทุกคน รักภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆค่ะู^_______^
Ohno!! ภูิมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของทุกคนค่ะ
บ๊ายบาย ><" จุ๊ฟๆ